การริบหุ้น หมายถึง ผู้ถือหุ้นไม่สามารถนำเงินมาชำระค่าหุ้นส่วนที่เหลือได้ภายในระยะวลาที่กำหนด ผู้ถือหุ้นรายดังกล่าวนี้ จะกลายเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่บริษัทนับ ตั้งแต่วันที่กำหนดให้ส่งใช้จนถึงวันที่ชำระเสร็จสิ้น ตามอัตราที่กำหนดไว้ในข้อบังคืบของบริษัท การริบหุ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1121 -1125 ได้กำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับ การริบหุ้นของบริษัท ดังต่อไปนี้
1. การเรียกเก็บเงินค่าหุ้นแต่ละครั้ง บริษัทจะต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 21 วัน ด้วย การส่งจดหมายลงทะเบียน และกำหนดให้ส่งเงินให้ใคร ที่ไหน และเวลาใด
2. ถ้าผู้ถือหุ้นยังไม่ส่งเงินค่าหุ้นตามเวลาที่เรียกเก็บ จะต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันครบกำหนดจนถึง วันที่ได้ส่งใช้
3. ถ้าผู้ถือหุ้นยังไม่ส่งใช้เงินค่าหุ้นตามวันที่กำหนดให้กรรมการส่งจดหมายลงทะเบียน เรียกเก็บเงินค่าหุ้นพร้อมดอกเบี้ย และบอกด้วยว่าถ้าไม่นำเงินมาชำระค่าหุ้น จะทำการริบหุ้นนั้น
4. ให้นำหุ้นที่ริบนั้นออกขายทอดตลาดทันทีได้เงินเท่าใดให้หักค่าหุ้นที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยและ ค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาด ถ้ามีเงินเหลือให้คืนแก่ผู้ถือหุ้นนั้น
      การขายทอดตลาดหุ้นที่ถูกริบนั้น ให้ขายโดยเปิดเผยต่อประชาชนทั่วไป โดยจะขายในราคาสูงหรือ ต่ำกว่ามูลค่าก็ได้ ผู้ที่ประมูลได้ในราคาสูงสุดจะเป็นเจ้าของหุ้นนั้น โดยไม่จำกัดสิทธิของผู้ถือหุ้นที่ถูกริบไป แล้วนั้น